ปัจจุบันคนเริ่มให้ความสำคัญเรื่องการดูแลสุขภาพกันมากขึ้น และหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่หลายคนเลือกซื้อมามาบำรุงสุขภาพก็คือ ผลิตภัณฑ์จากเห็ดหลินจือแดง แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีข้อสงสัยอีกหลายประการเกี่ยวกับเห็ดหลินจือ และผลิตภัณฑ์จากเห็ดหลินจือ บทความนี้จึงรวบรวมคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับเห็ดหลินจือมาไขข้อสงสัยกัน
คำถาม 1 : คนที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เช่น โรคความดัน, เบาหวาน สามารถรับประทานเห็ดหลินจือแดงสกัดได้หรือไม่?
คำตอบ : สำหรับคนที่มีปัญหาสุขภาพนั้น สามารถรับประทานเห็ดหลินจือแดงสกัดควบคู่กับยาที่ใช้อยู่ได้ ไม่ต้องหยุดยาโดยให้รับประทานเห็ดหลินจือแดงสกัดหลังรับประทานยาไปแล้ว 1 ชั่วโมง เห็ดหลินจือแดงสกัดช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น แล้วอาการเจ็บป่วยก็จะดีขึ้นเอง
คำถาม 2 : ทำไมรับประทานเห็ดหลินจือแดงสกัด แล้วทำให้การนอนหลับดีขึ้น?
คำตอบ : ในตำราแพทย์และตำรับยาสมุนไพรจีนและญี่ปุ่นแต่โบราณ บรรยายสรรพคุณของเห็ดหลินจือแดงสกัดส่วนหนึ่งว่า…เป็นยานอนหลับ เป็นยาบำรุงสมอง และทำให้ฉลาด ซึ่งเชื่อว่าเกิดจากการหมุนเวียนโลหิตดีขึ้น และนอกจากนี้คณะนักวิจัยแห่งชาติมหาวิทยาลัยทันตแพทย์ กรุงโตเกียวได้ทำการทดลองในหนูพบว่า ถ้าให้หนูทดลองกินเห็ดหลินจือแดงสกัดจะทำให้หนูหลับง่ายขึ้น
คำถาม 3 : ทำไมรับประทานเห็ดหลินจือแดงสกัด แล้วช่วยให้อาการปวดเมื่อยหายไป?
คำตอบ : อาการปวดเมื่อยมีสาเหตุมาจากการคั่งค้างของไขมันในเส้นเลือด หรือเกิดของเสียในร่างกาย ซึ่งจากการวิจัยพบว่าเห็ดหลินจือแดงสกัดจะช่วยลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด บำรุงเซลล์เม็ดเลือดแดงให้แข็งแรง ทำให้การไหลเวียนของโลหิต และการกำจัดของเสียของร่างกายดีขึ้น ลดการคั่งค้างของไขมันหรือสารบางอย่างในเส้นเลือด ทำให้อาการปวดบรรเทาลงได้
คำถาม 4 : หากรับประทานเห็ดหลินจือแดงสกัดเป็นระยะเวลานานๆ จะมีผลเสียอะไรหรือไม่?
คำตอบ : การรับประทานเห็ดหลินจือแดงสกัดติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ นั้น ไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อร่างกาย เนื่องจากเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ซึ่งเป็นเห็ดที่มีตำนานเล่าขานและได้รับการยอมรับมานานกว่า 2000 ปี ในประเทศจีนนับตั้งแต่สมัยจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้เป็นต้นมา เป็นเห็ดที่มีคุณค่าสูงและราคาแพง ในตำราสมุนไพรจีนหลายเล่มได้กล่าวยกย่องเห็ดหลินจือว่าเป็น “เทพเจ้าแห่งชีวิต” มีพลังมหัศจรรย์ ใช้บำรุงร่างกาย เป็นยาอายุวัฒนะ และยังรักษาโรคต่าง ๆ ได้มากมาย นอกจากสรรพคุณที่ดีแล้ว ยังปลอดภัยไม่มีพิษใด ๆ ต่อร่างกาย จึงจัดได้ว่าดีที่สุดในหมู่สมุนไพรจีน และจากรายงานการทดสอบความเป็นพิษพบว่าเห็ดหลินจือเป็นสมุนไพรที่มีความปลอดภัยสูงอีกด้วย
คำถาม 5 : เห็ดหลินจือแดงสกัด ควรรับประทานอย่างไร? จึงจะได้ผลดีที่สุด
คำตอบ : การรับประทานเห็ดหลินจือแดงสกัดควรรับประทานร่วมกับวิตามินอี และควรบรรจุอยู่ในรูปแบบซอฟเจล ซึ่งมีขนาดอนุภาคเล็กทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ง่าย ดังนั้นเพื่อประโยชน์สูงสุด ควรรับประทานก่อนอาหารอย่างน้อย 30 นาที
คำถาม 6 : หลังจากรับประทานเห็ดหลินจือแดงสกัดไปแล้ว อาการที่แสดงถึงการขับสารพิษ มีอะไรบ้าง?
คำตอบ : ความเด่นของเห็ดหลินจือแดงสกัดคือ การล้างพิษ การขับสารพิษ ซึ่งสารพิษและการตกค้างที่ทำให้เกิดโรค เช่น กรดยูริก น้ำตาล ไขมัน สารก่อมะเร็ง หรือสารเคมีที่เป็นพิษต่อร่างกายด้วยการขับออกทางระบบการขับของเสียของร่างกาย เช่น ทางผิวหนัง ทางปัสสาวะ อุจจาระ ทางเหงื่อ เป็นต้น
กระบวนการล้างสารพิษของเห็ดหลินจือแดงสกัดอาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้ รู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว มีไข้ ปวดเมื่อยตามข้อ ท้องเสีย น้ำมูกไหล ไอ เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้ มักจะเกิดตั้งแต่เริ่มรับประทาน และเกิดอยู่นานประมาณ 3 – 4 วัน แล้วอาการต่าง ๆ เหล่านี้จะหายไปเองภายในเวลาประมาณ 2 อาทิตย์หลังจากที่ทานห็ดหลินจือแดงสกัดติดต่อกัน หรือเมื่อเห็ดหลินจือแดงสกัดขับพิษออกจากร่างกายจนหมด ร่างกายเริ่มฟื้นฟูและสามารถปรับสภาพเข้าสู่สภาวะสมดุล
ดังนั้นผู้รับประทานผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือแดงสกัดจึงไม่ควรตกใจและต้องทำความเข้าใจว่าอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นว่า…มิใช่อาการแพ้หรือผลข้างเคียงของเห็ดหลินจือแดงสกัด ไม่ควรหยุดรับประทาน แต่ควรที่จะดื่มน้ำบ่อย ๆ เพื่อช่วยให้กระบวนการล้างพิษมีประสิทธิภาพมากขึ้น และที่สำคัญสำหรับผู้ที่ทานยาแผนปัจจุบันอยู่ไม่ควรหยุดยาของแพทย์ แต่ควรรับประทานเห็ดหลินจือแดงสกัด หลังจากทานยาแผนปัจจุบันไปแล้วประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อร่างกายในการบำบัดโรคตามแนวทางทฤษฎี “การแพทย์แผนตะวันออก”
คำถาม 7 : คนสูงอายุ / เด็ก และสตรีมีครรภ์ สามารถรับประทานเห็ดหลินจือแดงสกัดได้หรือไม่?
คำตอบ : วัยผู้สูงอายุ เป็นวัยที่ร่างกายต้องการการบำรุงมากเป็นพิเศษ ต้องการอาหารที่ย่อยง่าย ดูดซึมง่าย จึงเหมาะที่จะรับประทานเห็ดหลินจือแดงสกัดมากที่สุด
ถึงแม้เห็ดหลินจือแดงสกัดจะเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับบำรุงร่างกายให้แข็งแรง แต่สำหรับการใช้ในเด็กนั้น แนะนำให้ลดปริมาณลง และให้อยู่ในการควบคุมดูแลของผู้ปกครอง
กรณีของสตรีมีครรภ์ถือเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงสูง ดังนั้นจะแนะนำให้หลีกเลี่ยงการรับประทาน เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ที่มา : หนังสือเห็ดหลินจือ จากธรรมชาติสู่ศาสตร์ดูแลสุขภาพ