จากกระแสความนิยมในผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันจึงมีการนำเห็ดหลินจือมาแปรรูปผ่านกระบวนการผลิตเพื่อบริโภคในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการนำเห็ดหลินจือมาต้มกับน้ำใช้ดื่ม การบดแห้งเป็นผงบรรจุแคปซูล รวมถึงการนำเห็ดไปผ่านกระบวนการสกัดร้อน/เย็น บรรจุแคปซูล ซึ่งแต่ละกรรมวิธีในการผลิตนั้นจะได้สารสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพในปริมาณที่แตกต่างกัน ซึ่งผู้บริโภคบางรายอาจมีความเข้าใจว่าการนำเห็ดหลินจือไปต้มน้ำดื่ม หรือนำเห็ดหลินจือไปตากแห้งแล้วนำมาบดเป็นผงบรรจุแคปซูลนั้น ผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์จากเห็ดหลินจือมากที่สุด ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด
ดังนั้นก่อนที่จะเลือกซื้อหาผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือมารับประทาน ผู้บริโภคควรทราบก่อนว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนั้นมีกรรมวิธีในการผลิตเป็นอย่างไร เหตุใดผลิตภัณฑ์จากเห็ดหลินจือบางชนิดมีราคาถูก บางชนิดมีราคาแพง และควรเลือกรับประทานแบบไหนจึงจะได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด
การนำเห็ดหลินจือมาบดแห้งบรรจุแคปซูลเหมือนสมุนไพรทั่วๆ ไป เป็นวิธีที่ง่ายและราคาถูก ต้นทุนต่ำ แต่จะได้สารสำคัญจากเห็ดหลินจือในปริมาณที่น้อยมาก อีกทั้งร่างกายไม่สามารถย่อยและดูดซึมเอาสารสำคัญไปใช้ประโยชน์ได้เท่าที่ควร คือดูดซึมได้เพียง 10 – 15% เท่านั้น โดยใช้เวลาในการดูดซึมนาน 2 – 4 ชั่วโมง นอกจากนี้ แคปซูลยังมีโอกาสเกิดเชื้อราได้ง่ายอีกด้วย
การนำเห็ดหลินจือมาต้มกับน้ำดื่มหรือผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือรูปแบบน้ำทั่วไป วิธีนี้มีต้นทุนต่ำเช่นกัน แต่ผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์จากเห็ดหลินจือมากกว่ารูปแบบบดแห้ง คือได้รับสาระสำคัญจากเห็ดหลินจือประมาณ 30% เนื่องจากเห็ดหลินจือประกอบด้วยสารสำคัญที่สามารถละลายน้ำได้ 30% แต่ยังมีสาระสำคัญของเห็ดหลินจืออีกประมาณ 70% ที่ไม่ละลายน้ำ ผู้บริโภคจึงจะไม่ได้รับประโยชน์จากสารสำคัญในส่วนนี้ ดังนั้นผู้บริโภคจะต้องดื่มน้ำเห็ดหลินจือในปริมาณที่มากพอจึงจะได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง และที่สำคัญคือการนำเห็ดหลินจือมาต้มกับน้ำดื่ม หรือผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือรูปแบบน้ำทั่วไป มักมีรสขมทำให้ดื่มยาก
ผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือในรูปแบบสารสกัด แม้วิธีการนี้จะมีต้นทุนค่อนข้างสูง (ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มีราคาสูงขึ้น) แต่จะทำให้ได้สารสำคัญที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายในปริมาณมาก ไม่ว่าจะเป็นการสกัดร้อนหรือสกัดเย็น ซึ่งจากข้อมูลของสำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดลอธิบายว่า “โดยปกติแล้วการสกัดสารสำคัญในเห็ดหลินจือนิยมใช้สารสกัดน้ำหรือแอลกอฮอล์ แต่คำว่าสกัดร้อนหรือสกัดเย็นที่ระบุในผลิตภัณฑ์นั้นคือ ขั้นตอนการทำสารสกัดให้แห้ง โดยผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่าสกัดเย็นคือ ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านกรรมวิธีทำให้แห้งแบบ freeze dry (ทำให้แห้งโดยใช้ความเย็น) และผลิตภัณฑ์แบบสกัดร้อนคือ ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้แห้งแบบ spray dry (ทำให้แห้งโดยใช้ความร้อน) แต่ยังไม่มีผู้ทำการศึกษาเปรียบเทียบว่าระหว่างวิธี freeze dry และ spray dry ว่าแบบไหนสามารถคงสารสำคัญในเห็ดหลินจือได้มากกว่า แต่โดยทฤษฏีแล้ว การทำให้แห้งโดยใช้ความเย็น หรือ freeze dry สารจะสลายตัวน้อยกว่า เนื่องจากสารจะไม่ผ่านความร้อน จึงลดการสูญเสียสารสำคัญที่ไม่ทนต่อความร้อนได้
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์จากเห็ดหลินจือมีออกมาในรูปแบบแคปซูลเจลนิ่ม(Soft Capsule) ซึ่งแคปซูลดังกล่าวนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อบรรจุสารในรูปแบบของเหลว โดยผ่านกระบวนการ Vacuum decompression (แคปซูลแข็งสำหรับบรรจุสารในรูปแบบผง) โดยผู้ผลิตจะเลือกลักษณะของแคปซูลให้เหมาะกับผลิตภัณฑ์ ซึ่งโดยทั่วไปสารสกัดในรูปแบบของเหลวจะมีความเข้มข้นและสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับสารในรูปแบบผง โดยผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือแดงสกัดในรูปแบบซอฟเจลร่างกายสามารถดูดซึมได้ถึง 80 – 100% โดยใช้เวลาในการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายประมาณ 5 – 15 นาที
ไม่ว่าจะเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือในรูปแบบใดก็ตาม ควรพิจารณาผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากชัดเจน มีแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐานและมีเครื่องหมาย อย. ที่ถูกต้อง เพราะของถูกและดี…ไม่มีในโลก
ที่มา : หนังสือเห็ดหลินจือ จากธรรมชาติสู่ศาสตร์ดูแลสุขภาพ