เห็ดหลินจือ จัดเป็นยาจีนที่ใช้กันมายาวนานกว่า 2,000 ปีมาแล้ว เห็ดหลินจือที่ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติมีมากมายกว่า 100 สายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่นิยมและมีสรรพคุณทางยาที่ดีที่สุดคือ สายพันธุ์สีแดง หรือ เห็ดหลินจือแดง(กาโนเดอร์ม่า ลูซิดั่ม) เห็ดหลินจือจะมีสารพอลิแซ็กคาไรด์ ซึ่งจะช่วยยับยั้งและบรรเทาอาการต่างๆ โดยเห็ดหลินจือแต่ละชนิดจะมีปริมาณสารพอลิแซ็กคาไรด์ในปริมาณที่แตกต่างกันออกไป
จากการศึกษาถึงสรรพคุณของเห็ดหลินจือโดยสถาบันในหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น จีน และเกาหลี พบว่าเห็ดหลินจือมีส่วนประกอบของสารที่เป็นประโยชน์มากมายเช่น สารพอลิแซ็กคาไรด์ ชาโปนิน กรดอะมิโน สารสเตียรอยด์ สารแอลคาลอย และสารไตรเทอฟีน เป็นต้น จึงได้ทำการทดลองสกัดสารที่อยู่ในเห็ดหลินจือให้อยู่ในลักษณะเม็ดหรือผงเพื่อจำหน่าย พบว่าสามารถบำรุงร่างกายและมีสรรพคุณในการควบคุมโรคต่างๆ ได้ เช่น ควบคุมระบบไหลเวียนของโลหิต ควบคุมระดับไขมันในเส้นเลือด บรรเทาอาการไขข้ออักเสบ ช่วยลดและรักษาระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน ควบคุมโรคระบบทางเดินอาหาร เป็นต้น
นอกจากนี้เห็ดหลินจือยังมีคุณสมบัติที่สำคัญ คือ มีสารที่ออกฤทธิ์ต่อต้านเนื้องอก เช่น โรคมะเร็ง ซึ่งสามารถนำมาใช้ควบคู่กับการรักษาทางแพทย์แผนปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตาม การบริโภคเห็ดหลินจืออาจก่อนให้เกิดอาการแพ้ได้ เช่น เกิดอาการท้องเสีย ปากแห้ง ท้องอืด ผื่นคัน แต่ผลข้างเคียงเหล่านี้จะค่อยๆ ลดลงเมื่อผู้บริโภคเกิดความเคยชิน
เห็ดหลินจือ เป็นยาสมุนไพรที่รู้จักกันดีในเอเชียและมีการใช้มาเป็นเวลานาน การบริโภคทั่วโลกของเห็ดหลินจือเริ่มสูงขึ้นและมีปริมาณมากขึ้น มีผลิตภัณฑ์ที่จดสิทธิบัตรและใช้ในเชิงพาณิชย์จากเห็ดหลินจือเป็นจำนวนมาก ทั้งเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสารสกัดและองค์ประกอบในสูตรต่างๆ ซึ่งวางตลาดทั่วทุกมุมโลกในรูปแบบของแคปซูล ครีม ยาบำรุงผมและน้ำเชื่อม ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้น การศึกษาเห็ดหลือจือจึงเกิดขึ้นมากมาย ทั้งเกี่ยวกับองค์ประกอบเห็ดหลินจือ การเพาะปลูก ผลการรักษาและประโยชน์ต่อสุขภาพในเชิงบวก รวมถึงผลกระทบต่อการต้านมะเร็ง การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด สารต้านอนุมูลอิสระ การต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ผลกระทบและป้องกันการบาดเจ็บของตับและกระเพาะอาหาร อย่างไรก็ตามการศึกษาส่วนใหญ่ได้ดำเนินการในหลอดทดลองหรือในสัตว์ การศึกษาทดลองในมนุษย์มักจะมีขนาดเล็กและผลที่ได้ไม่สนับสนุนผลการวิจัยในหลอดทดลองทุกครั้ง เวลานี้มีข้อมูลทางเคมีและหลักฐานเกี่ยวกับผลของเห็ดหลินจือมากมาย และมีข้อมูลการทดลองทางคลินิกที่น่าเชื่อถือจาการทดลองในมนุษย์ที่ออกแบบอย่างดี สามารถสร้างความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนขึ้นมาก จากรายงานผลกระทบต่อสุขภาพที่เกี่ยวข้อง โดยมีความถูกต้องและมีความสำคัญ ความท้าทายล่าสุด คือการกำหนดสร้างมาตรฐานและการควบคุมคุณภาพของเห็ดหลินจือเพื่อได้รับคุณประโยชน์อย่างครบถ้วนและไม่เกิดผลข้างเคียงหรือพิษจากการบริโภค
ที่มา : หนังสือเห็ดหลินจือ จากธรรมชาติสู่ศาสตร์ดูแลสุขภาพ